Casemiro คาเซมิโร่ ประวัติกองกลาง มิดฟิลด์ตัวรับ แข้งแซมบ้า ทีเด็ดปีศาจแดง ขวัญใจแฟน แมนฯยูไนเต็ด

Casemiro (คาเซมิโร่) สุดยอดกองกลาง ของสโมสร แมนเขลเตอร์ ยูไนเต็ด เขาสามารถจ่ายบอล และ อ่านเกมได้อย่างชาญฉลาด ถึงขั้นที่ว่าได้เป็นกัปตันตั้งแต่ตอนอายุ 11 ขวบ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นมาก พรสวรรค์ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นนักบอล ถึงแม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมาย จะโดนใบแดงสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยย่อท้อ คาเซมิโร่ ตัวตึงฟุตบอลสุดโหด สำหรับใครที่กำลังหาประวัติของเขาอยู่ห้ามพลาด

ประวัติของ Casemiro (คาเซมิโร่)

ชื่อ : Casemiro (คาเซมิโร่)

ชื่อเต็ม :  Carlos Henrique Casimiro (คาร์ลอส เอนริเก้ คาซิมิโร่)

เกิดเมื่อวันที่ : 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535

สถานที่เกิด : Sao Jose dos Campos บราซิล

ส่วนสูง : 185 เซนติเมตร

ตำแหน่ง : กองกลางตัวรับ

Casemiro เริ่มต้น เส้นทางลูกหนัง ที่ เซา เปาโล

Casemiro เซา เปาโล

Casemiro เขาเกิดมาเพื่อที่จะเป็นนักฟุตบอลแบบของแท้ เขาเติบโตมาใน สโมสร เซา เปาโล สโมสรดังของประเทศบราซิล ด้วยวัยเพียง 11 ปี เขาสามารถแสดงให้เห็นคุณสมบัติของการเป็นผู้นำ เพราะเขาได้เป็นกัปตันทีมของชุดเยาวชนตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 2010 คือวันที่เขาได้ลงเล่นในเกม ซี่รี่ เอ หรือเกมลีกสูงสุดของบราซิล เป็นการลงเล่นนัดแรกของเขา แต่นัดนั้นไม่น่าจดจำเท่าไหร่ เพราะ เซา เปาโล ได้พ่ายแพ้ให้กับ ซานโตส ไปในนัดนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมในปีเดียวกัน เขาสามารถทำประตูในระดับทีมชุดใหญ่ได้เป็นครั้งแรกในเกมที่ เซา เปาโล เสมอกับ ครูเซยโร่ ไป 2-2 และ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2555 คาเซมิโร่ ทำประตูแรกของการพาทีมเอาชนะ โมกิ มิริม 2-0 ที่สนามอาริน่า บารูเอรี  เรียกได้ว่าผลงานของเขา กับฟอร์มการเล่นที่ดุดันกับสโมสร ได้ไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด

ฉายแววเก่ง ย้ายซบ ราชันชุดขาว

Casemiro เรอัล มาดริด

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2556 ทาง ราชันชุดขาว ไม่ได้ตัดสินใจซื้อตัวเขามาในทันที โดยใช้วิธีการยืมตัวมาเล่นให้กับทีมชุดสำรองก่อนในช่วงเดือนมกราคม 2013 คาเซมิโร่ ลงเล่นเกมแรกเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ โดยเริ่มด้วยการพ่ายแพ้ไป 1-3 ที่ ซาบาเดลล์ หลังจากนั้นวันที่ 20 เมษายนของปีเดียวกัน เขาก็ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ ในศึกที่ เรอัล เบติส 3-1 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน เขาทำประตูแรกในยุโรป โดยเปิดสนามให้ทีมสำรองเอาชนะ อัลกอร์กอน 4-0 ที่สนาม กีฬาอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน จากการที่ยืมตัวมาลงเล่น และ ได้เห็นสกายภาพของเขา ไม่รอช้า เรอัล มาดริด ตัดสินใจซื้อขาดในช่วงเดือน มิถุนายน 2013 สัญญามีอายุยาวถึง 4 ปี  โดยในฤดูกาล 2013 – 14 Casemiro ลงเล่นให้กับ มาดริด ไปทั้งหมด 25 นัด

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2014 มาดริด ตัดสินใจปล่อยตัว คาเซมิโร่ ให้กับ เอฟซี ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่โปรตุเกสยืมตัวไปใช้ 1 ฤดูกาล เรียกได้ว่าเขาเป็นอีกหนึ่งกำลังรบสำคัญ เขาลงเล่นไปทั้งหมด 41 นัด ยิงไป 4 ประตู โดยหนึ่งในนั้นคือลูกยิง ฟรีคิก ที่ทำให้ทีมชนะ เอฟซี บาเซิ่ล 4-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2

Casemiro ฝึกสกิล เก็บประสบการณ์ กับ ปอร์โต้

Casemiro ปอร์โต้

อนาคตของ คาเซมิโร่ ดูไม่ดีเท่าไหร่ในช่วงฤดูกาล 2015-16 เพราะถึงแม้จะมีการขยายสัญญาไปจนถึงปี 2021 แต่ส่วนใหญ่เขามักจะได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองให้กับทีมเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานโชคชะตาก็เข้าข้างเขา หลังจากที่กุนซือจาก ราฟาเอล เบนิเตซ ออก มาเป็น ซีเนดีน ซีดาน คาเซมิโร่ ก็กลายมาเป็นตัวเลือกหลักลำดับแรกของทีมได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็พาทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่นดังกล่าวด้วย หลังจากที่เริ่มปูทางให้กับตัวเองในยุค ซีดาน ตั้งแต่ 2015-16 เขามีส่วนร่วมในการลงเล่น 11 นัด ในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนั้น ในรอบชิง ชนะเลิศ กับแอตเลติโกมาดริด เขาลงเล่นเต็ม 120 นาที ขณะที่เรอัลมาดริดคว้าแชมป์สมัยที่ 11 ด้วยการดวลจุดโทษเสมอกัน 1-1

ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ กวาดแชมป์ UCL กับ เรอัล มาดริด

Casemiro 5แชมป์ UCL

ในฤดูกาลที่ 2016-2022 ถือเป็นความสำเร็จอย่างล้นหลามของ คาเซมิโร่ เขายิงไปได้ถึง 4 ประตู จากการลงเล่นเพียง 25 นัด ในลาลีกา ฤดูกาล 2016-17 เขาเป็นส่วนนึงในการพาทีมคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในศึกแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ทีมของเขาได้พบกับทีม ยูเวนตุส นั้น เขาช่วยให้ทีมได้รับชัยชนะไป 4-1 และ ต่อมาในวันที่ 8 สิงหาคม เขาได้ทำประตูแรกอีกครั้ง ทำให้ในศึกนั้นพาทีมชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไป 2-1 ในศึก ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2017 ฤดูกาล 2017-18 ในศึก แชมเปียนส์ลีก คาเซมิโร่ ลงเล่นไป 12 นัด โดยเขาสามารถทำประตูไปได้ 1 ประตู และ เป็นส่วนสำคัญในการพาทีม มาดริด คว้าแชมป์สมัยที่สามติดต่อกัน และ เป็นสมัยที่ 13 ในการแข่งขัน เขาถูกเลือกให้เป็นตัวจริงทุกฤดูกาล และยังสามารถพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ลาลีกา ฤดูกาล 2019-20 ได้อีกด้วย ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 เขาได้ถูกขยายสัญญายาวไปถึงเดือน มิถุนายน พ.ศ.2568 และ เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ แชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 14 ไปครองได้สำเร็จ คาเซมิโร่ ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็น Man of the Match เนื่องจาก Real Madrid เอาชนะ Eintracht Frankfurt 2-0 ในศึก Super Cup 2022

ค้นหาความท้าทายใหม่ๆ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

Casemiro แมนฯยูไนเต็ด

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เรอัลมาดริด และ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เจรจาข้อเสนอกันสำเร็จในการโอน คาเซมิโร่ สามวันต่อมา เขาเซ็นสัญญา 4 ปี กับสโมสรในอังกฤษพร้อมตัวเลือกขยายเวลาเพิ่มอีกหนึ่งปี มีรายงานว่าข้อตกลง ดังกล่าวมีมูลค่า 60 ล้านปอนด์บวกส่วนเสริม 10 ล้านปอนด์ หรือราว สามพันสามหมื่นสี่บาทไทย เขาเปิดตัวกับสโมสรเมื่อเขาลงมาเป็นตัวสำรองในเกม พรีเมียร์ลีกที่ชนะ เซาแธมป์ตัน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ต่อมา วันที่ 22 ตุลาคม เขาทำ ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกจากลูกโหม่งในนาทีที่ 94 ในเกมเยือนเสมอกับเชลซี 1–1

และ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เขาได้รับใบแดงจากพฤติกรรมความรุนแรงระหว่างการแข่งขันกับ คริสตัล พาเลซ จากการเอามือโอบคอ วิล ฮิวจ์ส ระหว่างการเผชิญหน้า ซึ่งแอน โทนี และเจฟฟรีย์ ชลุปป์ ได้รับใบเหลือง ด้วย ส่งผลให้ถูกแบนในประเทศ 3 นัด  เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ Man Utd คว้าแชมป์ EFL Cup ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลแรกของ Casemiro ที่สโมสร และเป็นถ้วยรางวัลแรกของ United นับตั้งแต่ปี 2017 โดยเขาทำประตูแรกในนาทีที่ 33 ของชัยชนะ 2-0 ต่อ Newcastle United การแสดงของเขายังทำให้เขาได้รับรางวัล Alan Hardaker Trophy ต่อมาเมื่อ วันที่ 12 มีนาคม คาเซมิโร่ ได้รับใบแดงจากการเข้าปะทะกับ Carlos Alcaraz ในการแข่งขันกับ Southampton ซึ่งผู้ตัดสิน Anthony Taylor ยกเลิกการตัดสินใบเหลืองครั้งแรกของเขาเป็นใบแดงทันทีหลังจากการตรวจสอบ VAR และ Casemiro ได้รับการพักการแข่งขันถึง 4 นัด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เสมอกันไป 0-0 ในตอนนั้นเขาจะเป็นผู้เล่นคนเดียวของพรีเมียร์ลีกในปี 2022-23 ที่ได้รับใบแดง 2 ใบ และ เป็นผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ดคนเดียวที่ได้รับใบแดงในฤดูกาลนั้น

ผลงานทีมชาติบราซิล ของ คาเซมิโร่

Casemiro ทีมชาติบราซิล

คาเซมิโร่ ผ่านการเล่นให้กับ บราซิล ทั้งรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีและ 20 ปี ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างมากกับทั้ง 2 รุ่นนี้ เมื่อได้แชมป์ชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีเมื่อปี 2009 และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 2011 และ แชมป์ศึกชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ประจำปีเดียวกัน ในช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาอันมีค่าของเขา

Casemiro เปิดตัวในทีมชาติบราซิล เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554 โดยเสมอกับ อาร์เจนตินา 0–0 ขณะอายุ 19 ปีเขาได้รับการเสนอชื่อ โดยผู้จัดการทีม ดุงกา ในทีมบราซิลสำหรับศึก โคปาอเมริกา 2015 แต่ไม่ได้ลงเล่นเลย ในแมตช์รอบก่อนรองชนะเลิศที่ชิลี ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในรายชื่อ 23 คนสำหรับการแข่งขัน Copa América Centenario ที่จะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม 2018 คาเซมิโร่ ได้รับเลือกจากผู้จัดการทีม Tite สำหรับฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เขาเปิดตัวในการแข่งขันเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน โดยลงเล่น 60 นาที ในรอบแบ่งกลุ่ม เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 1–1 ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2019 เขามีชื่ออยู่ในทีม 23 คน ของบราซิลสำหรับการแข่งขัน โคปาอเมริกา 2019ในบ้านตัวเอง ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่อารีน่า โครินเธียนส์ กับ เปรู

เขาสามารถทำประตูแรกให้ทีมชาติได้ชัยชนะ 5–0 แต่ก็ถูกไล่ออกด้วยใบเหลือง 2 ใบและถูกแบนจากนัดถัดไป เขาออก สตาร์ท ใน ชัยชนะ 3–1 ของบราซิลเหนือเปรูในโคปาอเมริการอบชิงชนะเลิศ 2019 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่สนามกีฬามารากานา เขาได้รับการเสนอชื่อให้ติด ทีม โคปาอเมริกา 2021 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สามของบราซิล ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เขาทำประตูชัยในการแข่งขันหลังจากลูกเตะมุม ของเนย์มาร์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ทีมของเขาเอาชนะ โคลอมเบีย 2–1 . ในวันที่ 10กรกฎาคม เขาลงเล่นในเกมที่ทีมชาติของเขาพ่ายแพ้ต่ออาร์เจนตินา 1–0 ในนัดชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 คาเซมิโร่ มีชื่ออยู่ในทีมสำหรับฟุตบอลโลก พ.ศ. 2565 ที่ กาตาร์ เมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน เขาทำประตูชัยในเกมนัดที่สองของกลุ่มกับ สวิตเซอร์แลนด์ บราซิลตกรอบโดย โครเอเชีย ในรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม หลังจากแพ้ด้วยการยิงจุดโทษ 4–2 หลังจากเสมอกัน 1–1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แม้ว่า Casemiro จะสามารถยิงจุดโทษได้

เกียร์ติประวัติของ คาเซมิโร่

Casemiro คาราบาวคัพ

เซา เปาโล

  • โคปา ซูดาเมริกานา : 2012

เรอัล มาดริด

  • ลาลีกา : 2016-17 , 2019-20 , 2021-22
  • โคปาเดลเรย์ : 2013-14
  • ซูเปร์โกปา เด เอสปาญา : 2017 , 2019-20 , 2021-22
  • ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก : 2013-14 , 2015-16 , 2016-17 , 2017-18 , 2021-22
  • ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : 2016 , 2017 , 2022
  • ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2016 , 2017 , 2018

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • อีเอฟแอล คัพ : 2022-23

ทีมชาติ บราซิล

  • ชิงแชมป์อเมริกาใต้ U-17 : 2009
  • ฟุตบอลโลก U-20 : 2011
  • ชิงแชมป์อเมริกาใต้ U-20 : 2554
  • โคปาอเมริกา : 2019

ผลงานส่วนตัว

  • ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล : 2016-17 , 2017-18
  • ทีม ยูฟ่าลาลีกาแห่งฤดูกาล : 2019-20
  • ทีมโคปาอเมริกาแห่งทัวร์นาเมนต์ : 2021
  • ทรอฟีโอ อีเอฟอี : 2019-20
  • อลัน ฮาร์ดาเกอร์ โทรฟี่ : 2023
  • FIFA FIFPRO Men’s World 11 : 2022