Bruno Fernandes บรูโน่ แฟร์นานเดส ประวัติ มิดฟิลด์ รองกัปตันทีม จอมทัพพันธุ์โหดของ ปีศาจแดง

Bruno Fernandes (บรูโน่ แฟร์นานเดส) สไตล์การกล้าเล่นที่แมนยูตามหา ผู้เล่นมากพรสวรรค์ ที่จะมาเปลี่ยนวงการฟุตบอลโลก บรูโน่ แฟร์นานเดส กองกลางของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เรียกได้ว่าความสามารถล้นหลาม ถึงตัวเขาจะเล็กแต่หัวใจใหญ่ พร้อมที่จะชนกับทุกคน ใครที่มาขวางเขาตอนเลี้ยงลูกบอลอยู่ บอกเลยว่าพลาด การอ่านเกมที่แม่นยำ บวกสไตล์ตอนลงสนามที่กล้าเล่น เขาเกิดมาเพื่อฆ่ากองหลังโดยเฉพาะ

ประวัติส่วนตัว Bruno Fernandes

ชื่อ : Bruno Fernandes (บรูโน่ แฟร์นานเดส)

ชื่อเต็ม : Bruno Miguel Borges Fernandes (บรูโน่ มิเกล บอร์เกส แฟร์นานเดส)

เกิดวันที่ : 8 กันยายน ค.ศ.1994

เกิดที่ : ไมอา โปรตุเกส

ส่วนสูง : 5 ฟุต 10 นิ้ว

ตำแหน่ง : กองกลาง , มิดฟิลด์

ครอบครัวของ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ นั้นชื่นชอบกีฬาทุกชนิด พ่อของเขาเป็นนักฟุตบอล แต่เขาต้องยอมเลิกเตะ เพราะอยากที่จะทำตามความฝันของลูกๆ อยากผลักดันให้ไปสู่เส้นทางฝัน นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ เลือกที่จะใส่เสื้อเบอร์ 8 เพื่อที่จะเดินรอยตามพ่อของเขา ส่วนแม่ของ บรูโน่ นั้นเป็นแฟนตัวยงของ ปอโต้ และ เปลี่ยนมาเชียร์ทีม สปอร์ติงลิสบอน ในภายหลัง ตอนที่ บรูโน่ ยังเด็กนั้นเขาเป็นเด็กที่ตัวเล็กมาก แต่แปลกที่เขากล้าที่จะทำ กล้าที่จะเล่น หรือเรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ใจใหญ่กล้าที่จะแสดงออก

หลังจากที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเขาก็เจอเส้นทางของเขาคือ การเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ หลังจากที่เขากำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.5 เขาก็ทำการลาออกจากโรงเรียน และ มาเอาดีด้านการเตะฟุตบอลแบบจริงจัง ซึ่งมันอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแต่ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ เขาเลือกที่จะเดินตามความฝันของเขา และ ที่เขาออกมาจากโรงเรียนไม่ใช่เพราะเกเร เขาเป็นเด็กฉลาดแต่เลือกที่จะทำตามความฝันของตัวเองก่อนมากกว่า ตอนนั้นผลงานของเขาเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก ทั่วโลกพูดถึงชื่อเขา บรูโน่ มีฝีเท้าที่ดี กล้าเล่น จ่ายบอลดี แถมยังอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาด เรียกได้ว่าครบเครื่องเป็นอย่างมาก

Bruno Fernandes เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง กับสโมสร อูดิเนเซ่

หลังจากที่เล่นที่ลงเล่นให้ทีมเยาวชน อย่าง เบาวิสต้า ไปสักพัก Bruno Fernandes ก็ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ ปาสตีไรล่า ในปี 2005 และ อยู่ที่นั่นนานถึง 5 ปี เขาใช้ที่ไปอยู่แบบไม่ศูนย์เปล่า เขาตั้งใจฝึก และ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่สิ้นสุดสัญญายืมตัว เขาก็ได้ย้ายกลับมายัง เบาวิสต้า อีกครั้งในปี 2010 และอยู่ ต่อเพื่อพัฒนาตัวเองอีก 2 ปี จนกระทั่งในปี 2012 บททดสอบอาชีพฟุตบอลของเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อ โนวาร่า ทีมจากประเทศ อิตาลี ได้เห็นแววบางอย่างในตัวของเขา เลยตัดสินใจซื้อตัว บรูโน่ เฟอร์นานเดซ เข้าร่วมทีม หลังจากนั้น เขาก็เริ่มพัฒนาฝีเท้าตัวเองมากขึ้น จนมาติดทีมชุดใหญ่ของ โนวาร่า ได้ และ ในฤดูกาล 2012-2013 บรูโน่ ก็ได้ลงสนามเล่นให้กับทีมถึง 23 นัด เขายังสามารถทำประตูให้กับทีมได้ถึง 4 ประตู ซึ่งถือว่า เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับการที่เขาย้ายมาเล่นในครั้งนี้ ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่น และ ความมุ่งมั่นในการเล่น ทำให้ฟอร์มของเขาไปเข้าตา อูดีเนเซกัลโช สโมสรชื่อดังจากศึก กัลโช่ เซเรีย อา และ เขาก็ได้ย้ายมาร่วมทีมในปี 2013 และ กลายมาเป็นกำลังรบหลักสำคัญให้กับทีม เล่นให้กับทีมในชุดตัวจริงนานถึง 3 ปี เขาลงเล่นไปมากถึง 86 นัด และยิงไปได้ 10 ประตู

Bruno Fernandes โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับ สโมสร ซัมป์โดเรีย

หลังจากนั้นในปี 2016  บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับ สโมสร ซัมป์โดเรีย สโมสรชื่อดังจากประเทศ อิตาลี โดยในฤดูกาล 2016-2017 นั้น เขาลงเล่นให้ทีมไปถึง 33 นัด และ ยิงไปถึง 5 ประตู พาทีมจบอันดับ 10 ของตาราง แต่น่าเสียดายที่ บรูโน่ อยู่ทีมนี้ได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เมื่อจบฤดูกาลนั้นแล้ว Bruno Fernandes ตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการกลับบ้านเกิด ไปเล่นให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกส

ระเบิดฟอร์มโหดกับ สโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน

Bruno Fernandes ย้ายมาอยู่ สโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในฤดูกาล 2017-2018 และ เพียงฤดูกาลแรก เขาก็แจ้งเกิดแบบเต็มตัว เมื่อเขาระเบิดตะข่ายโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง ยิงไปถึง 16 ประตู กับทำแอสซิสต์อีก 14 ครั้ง จากการลงเล่นทุกรายการ 56 นัด ซึ่งนั้นถือว่าเป็นสถิติที่สุดยอดมาก เท่านั้นยังไม่พอ ในฤดูกาลถัดมา บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ยังระเบิดฟอร์มสุดโหดแบบจัดหนักกว่าเดิม โดยการยิงไปถึง 31 ประตู กับทำอีก 15 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 55 นัด ถามว่าทำไมมันถึงดูน่าตกในหนะหรอ เพราะว่า ในตำแหน่งที่เขาเล่น เขาเล่นในตำแหน่งกองกลาง ไม่ใช่กองหน้า แต่สามารถทำประตูให้กับทีมได้อย่างมหาสาร ด้วยสไตล์ความกล้าเล่นของเขา หลังจบฤดูกาล 2018-2019 มีข่าวใหญ่ออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก ให้ความสนใจในตัวเขา แต่น่าเสียดายที่การค้าแข้งนั้นยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากการเจรจาไม่ลงตัว จึงทำให้ บรูโน่ ต้องอยู่ค้าแข้งกับสังกัดเดิมไปก่อน แต่เขาก็ยังโชว์ฟอร์มร้อนแรงอยู่ตลอด อย่างต่อเนื่อง โดยเพียงแต่ครึ่งซีซั่น เขายิงไป 15 ประตู กับ 14 แอสซิสต์ ในการลงเล่นเพียง 27 นัด ให้กับทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน

ทวงหาความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ต่อมาในปี 2020 ฝันของสาวก ปีศาจแดง ก็เป็นจริง เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจซื้อตัว บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ด้วยค่าตัว 63 ล้านยูโร หรือราวๆ สองพันสามร้อยสี่สิบล้านบาทไทย จนได้ บรูโน่ มาร่วมทัพสำเร็จ และ เพียงการเข้ามาของเขาเพียงคนเดียว ก็ช่วยให้ยอดทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นคนละทีมไปเลยกับช่วงครึ่งซีซั่นแรก เขาสามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มทีมในส่วนที่ขาด ช่วยปลุกวิญญาณนักสู้ และ เขาเข้ามาเป็นผู้นำให้กับทีม Bruno Fernandes เป็นคนที่กล้าพูด กล้าแสดงออก เป็นคนชอบออกความคิดเห็น และ นั้นเป็นเหตุผลที่เขาเล่นได้อย่างโดดเด่น เพราะ ถึงแม้รูปแบบเกมจะเสียเปรียบแค่ไหน แต่เขาก็มักจะคิด และ แก้เกมได้เสมอ จนเมื่อจบฤดูกาล เขาสามารถพาทีมจบอันดับ 3 คว้าตั๋วไปลุนในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ และ เขาก็ได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรอีกด้วย ทั้งๆ ที่เขาพึ่งย้ายเข้ามาเล่นให้ทีมไม่นาน

ผลงานทีมชาติของ บรูโน่ แฟร์นานเดส

บรูโน่ เฟอร์นานเดซ เริ่มเล่นให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ครั้งแรกในระดับเยาวชน เมื่อปี 2012 ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จากนั้นก็ขยับขึ้นไปเล่นในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และ รุ่น 23 ปี ด้วย จนกระทั่งต่อมาในปี 2017 ตอนที่ บรูโน่ ได้ย้ายไปอยู่ทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็ได้รับโอกาสสำคัญ เมื่อเขาถูกดันให้ขึ้นไปเล่นกับทีมชาติโปรตุเกส ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกในสนามที่เขาได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ ลงเป็นตัวสำรองแทน มานูเอล แฟร์นานเดส ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมอุ่นเครื่อง

Bruno Fernandes สามารถพาทีมชาติ โปรตุเกส เอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย ไปแบบขาดลอย 3-0 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2017 จากการเล่นที่ยอดเยี่ยม และ ฟอร์มอันร้อนแรงกับการที่เขาทำประตูอย่างต่อเนื่องให้กับทีม สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทำให้ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ถูกเรียกตัวให้ไปเล่นกับทีมชาติโปรตุเกส ในชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับทีมชุดนั้นเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงในรอบแบ่งกลุ่ม และ ถูกเปลี่ยนตัวออก และ ลงมาเป็นตัวสำรองในนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ลงสนามอีกเลย จนกระทั่ง ทีมชาติโปรตุเกส ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการพ่ายแพ้ อุรุกวัย 1-2 เขาจึงต้องกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันนี้ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 25 นัด ยิงไปทั้งสิ้น 2 ประตู และ เจ้าตัวก็ยังเป็นนักเตะที่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปี 2019 อีกด้วย

เกียรติประวัติ บรูโน่ เฟอร์นานเดซ

สโมสร สปอร์ติงลิสบอน

  • ลีกคัพ: 2017–2018, 2018–2019
  • โปรตุเกสคัพ: 2018–2019

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

  • คาราบาวคัพ : 2022–2023

ทีมชาติโปรตุเกส

  • ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก : 2018–2019

รางวัลส่วนตัว

  • ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนของ SJPF : สิงหาคม 2017 , กันยายน 2017 , ตุลาคม/พฤศจิกายน 2017 , กุมภาพันธ์ 2018 , เมษายน 2018
  • ผู้เล่นแห่งปีของ Primeira Liga : 2017–2018 , 2018–2019
  • ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ Primeira Liga : 2017–2018 , 2018–2019
  • ทีมยูฟ่ายูโรปาลีกประจำฤดูกาล : 2017–2018, 2019–2020 , 2020–2021
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสปอร์ติ้ง ซีพี : 2018 , 2019
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ CNID : 2019
  • ทีมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ : 2019
  • ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA พรีเมียร์ลีก : 2020–2021
  • ผู้เล่นพรีเมียร์ลีกประจำเดือน : กุมภาพันธ์ 2020 , มิถุนายน 2020 , พฤศจิกายน 2020 , ธันวาคม 2020
  • ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีก : มิถุนายน 2020 , กุมภาพันธ์ 2021
  • ผู้ทำประตูสูงสุดในยูฟ่ายูโรปาลีก : 2019–2020 (8 ประตู)
  • เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ผู้เล่นแห่งปี : 2019–2020 , 2020–2021
  • รางวัลผู้เล่นชายยอดเยี่ยมแห่งปีของ FSA : 2020
  • ทีม ESM แห่งปี : 2020–2021