Bernardo Silva แบร์นาร์โด้ ซิลวา ประวัติ ปีกจอมเทคนิค ตัวจี๊ดแห่งเรือใบสีฟ้า ขวัญใจ แมนฯซิตี้

Bernardo Silva (แบร์นาร์โด้ ซิลวา) ดาวรุ่งพุ่งแรงของ สโมสร เรือใบสีฟ้า เป็นนักเตะที่เรียกได้ว่าเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ เขาสามารถคว้ารางวัลมากมาย ตั้งแต่เด็กจนโต พาทีมคว้าแชมป์หลายรายการ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะพาทีมไปสู่ชัยชนะ สำหรับใครที่กำลังหาประวัติ หรือ ข้อมูลของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา อยู่ห้ามพลาด เพราะวันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเขา

ชื่อ : Bernardo Silva (แบร์นาร์โด้ ซิลวา)

ชื่อเต็ม : Bernardo Mota Veiga de Carvalho e Silva (แบร์นาร์โด้ มอต้า ไวก้า เดอ คาร์วัลโญ่ ซิลวา)

เกิดวันที่ : 10 สิงหาคม ค.ศ.1994

สถานที่เกิด : ลิสบอน , โปรตุเกส

ส่วนสูง : 173 เซนติเมตร

ตำแหน่ง : กองกลาง / ปีก

แบร์นาร์โด้ ซิลวา เขาเกิดมามีพรสวรรค์ ในด้านการเรียน จนใครหลายคนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีการงานที่มั่นคง แต่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไม่คิดแบบนั้น เขาเป็นเด็กคนนึงที่มีความฝัน ความฝันของเขาคือการที่ได้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข และ อยากจะได้ไปเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ เขาจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางเข้าสู่วงการลูกหนังอย่างเต็มตัว เขามีความชื่นชอบ และ หลงใหลกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก แบร์นาร์โด้ จึงตัดสินใจคัดเลือกเป็น นักเตะใน อคาเดมี่ของสโมสร เบนฟิก้า และเขาได้เข้าฝึกพัฒนาตัวเอง ที่จะเป็นนักฟุตบอลในระดับเยาวชนด้วยวัยเพียง 8 ขวบเท่านั้น

Bernardo Silva ก้าวแรกในโลกลูกหนัง สโมสร เบนฟิก้า

แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลังจากที่เขาเข้ามาในสโมสรเข้าก็กลายเป็นนักเตะเยาวชนที่อายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 8 ปี ในเวลาต่อมาเขาได้มีส่วนร่วมในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเยาวชนของประเทศได้สำเร็จ และ ได้ก้าวมาเป็นนักเตะตัวสำรองของสโมสรในเวลาต่อมา ในปี 2012 – 2013 แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้พัฒนาตัวเองโดยการมาเล่นในทีม เบนฟิก้า บี และ เขาสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้อีกหลายรายการ

หลังจากนั้นเส้นทางการที่จะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพก็เปิดกว้างมากขึ้น ในปี 2013 แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้เปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่กับทีมชุดใหญ่ เบนฟิก้า เป็นครั้งแรกในวัยเพียง 19 ปี ในศึกการแข่งขัน ฟุตบอล โปรตุเกส คัพ ในเกมที่ เฉือนเอาชนะ เดสปอร์ดิโว่ เดอ ซินฟาเญส 1 – 0 ซึ่งในเกมนัดดังกล่าว แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 80 และ ในเวลาที่เหลืออีกแค่ไม่กี่นาที แต่เขาสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมให้เห็น จนเขาสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 – 2014 ไปครองได้สำเร็จ และ ในปีต่อมา เขาได้ลงเล่นอีกครั้ง และ สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง จนสกิลการเล่นไปเข้าตาทีมดังในลีกเอิง อย่าง โมนาโก หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปร่วมทีมในสัญญาการยืมตัวในซีซั่นต่อมา

Bernardo Silva โชว์ฟอร์มร้อนแรง โดดเด่น กับ โมนาโก

ในปี 2014 แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ย้ายไปร่วมทีมกับสโมสร โมนาโก ในสัญญาการยืมตัว 1 ฤดูกาล โดยเขานั้นได้ลงประเดิมสนามในนัดแรก ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่พบกับ สโมสร บอร์กโดซ์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม เขาลงเล่นในฐานะตัวสำรอง ในเวลาต่อมาเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ลูคัส โอคัมโปส ในช่วงครึ่งหลัง แต่นั้นก็ยังไม่มากพอที่จะพาสโมสรของเขาเอาชนะไปได้ ในตอนนั้น ทีมของเขาผ่ายแพ้ไป 1-4  แต่ในช่วงเวลาที่เขาลงเล่นครึ่งหลังนั้นมันก็มากพอแล้ว ที่ทำให้โค้ชได้เห็นสกิลการเล่น และ การแก้เกมของเขา

ในเวลาต่อมา แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก็ได้ลงเล่นเป็นนักเตะตัวจริงของสโมสรมาโดยตลอด และ เขาก็โชว์ฟอร์มการเล่นแบบผิดหวังเลย ในวันที่ 14 ธันวาคม 2014 แบร์นาร์โด้ ซิลวา สามารถทำประตูแรกให้ทีมตัวเองได้สำเร็จ และ เป็นประตูที่ทำให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะ โอลิมปิค มาร์กเซย 1-0 จากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงจนหาตัวจับยาก หลังจากนั้นไม่นาน สโมสรโมนาโก ตัดสินใจซื้อขาด แบร์นาร์โด้ ซิลวา จาก สโมสรเบนฟิก้า ทันที ด้วยราคาค่าตัวราวๆ 15.75 ล้านยูโร หรือประมาณ ห้าร้อยเก้าสิบล้านบาทไทยเลยทีเดียว และ ได้สัญญาเป็นนักเตะในถิ่น สต๊าดหลุยส์เดอซ์ ถึง 5 ปี

หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอย่างเต็มตัว เขาก็สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการยกย่องจากสื่อในประเทศ ฝรั่งเศส คำชม อย่างล้นหลามกับชายที่เล่นได้โดดเด่นคนนี้ ทำให้ สโมสรยักษ์ใหญ่หลายค่ายเริ่มที่จะสนใจในตัวของเขามากยิ่งขึ้น แต่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก็เลือกที่จะอยู่กับสโมสร โมนาโก ต่อเนื่องจาก สโมสรนั้นได้สิทธิ์ในการเข้าเล่นในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในเวลานั้น Bernardo Silva ถือเป็นกำลังรบสำคัญของ สโมสร โมนาโก เป็นอย่างมาก

ฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของเขา ทำให้สโมสรมีผลงานออกมาในรูปแบบที่ดี จนเหล่าบันดาแฟนบอล และ กองเชียร์ข้างสนาม ต่างยกย่องให้เขาเป็นฮีโร่ของทีม จนกระทั่งในฤดูกาลที่ 2016 – 2017 เขาสามารถพาสโมสร โมนาโก สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ได้สำเร็จ โดยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้อย่างยอดเยี่ยม จากการลงเล่นทั้งหมด 58 นัด ทำประตูไปได้ 11 ประตู และ อีก 12 แอสซิส ก่อนที่เขาจะบอกลาสโมสรโมนาโก และ ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี ในเวลาต่อมา

ประกาศศักดา สร้างความยิ่งใหญ่ ที่เอติฮัด แมนฯ ซิตี้

Bernardo Silva หลังจากที่พาทีม โมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิงได้สำเร็จ เขาก็ถูกชักชวนให้รับข้อเสนอครั้งใหญ่ ในประเทศอังกฤษอย่างทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย แบร์นาร์โด้ ซิลวา ไม่รอช้าทำการตอบรับข้อเสนอทันที โดยเขาได้ย้ายมาเล่นให้กับ สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวสูงถึง 43.5 ล้านปอนด์ หรือราวๆ หนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบล้านบาทไทย และ อาจจะเพิ่มขึ้นอีก 17.5 ล้านปอนด์ หาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ดีตามเงื่อนไขที่ได้ระบุเอาไว้ เขาได้รับสัญญากับต้นสังกัดใหม่ยาวนานถึง 5 ปี

โดยการที่เขาได้ย้ายมาร่วมทีมครั้งนี้ Bernardo Silva ได้ถูกวางเป็นตัวตายตัวแทนของ ดาบิด ซิลวา แต่น่าเสียดายตอนที่เขาลงเล่นนั้น ไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่โดดเด่นได้แบบตอนที่ค้าแข้งอยู่กับ โมนาโก โดยตอนนั้นเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่น ของฟุตบอลใน พรีเมียร์ลีก ได้ ในตอนนั้นเขาถูกวิจารณ์จากแฟนบอลเป็นอย่างมาก ว่าเล่นไม่คุ้มกับราคาค่าตัวที่สูง ซึ่งนั้นยิ่งทำให้เขามีแรงผลักดัน และ เริ่มที่จะฝึกซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้น จน เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ได้เห็นถึงความตั้งใจในการฝึกซ้อมของเขา และ เริ่มให้โอกาสในการลงเล่นในสนามมากยิ่งขึ้น

จนในที่สุด แบร์นาร์โด้ ซิลวา ก็สามารถเรียกฟอร์มของตัวเองกลับมา และ ยึดในตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ เขาได้กลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ในแดนกลาง และ เขามักจะได้รับคำชมจากผู้จัดการทีมอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่เสมอ จนเขาได้กลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่มีส่วนร่วมสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย ในช่วงระยะเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้น

ฟอร์มโดดเด่น ถูกเรียกตัวติด ทีมชาติ โปรตุเกส

แบร์นาร์โด้ ซิลวา ในวัยเพียง 18 ปี ในเวลานั้นเขาได้ก้าวขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริงในสโมสร เบนฟิก้า ด้วยสไตล์การเล่นที่โดดเด่น และ เป็นที่น่าจับตามอง เขาถูกเรียกติดทีมชาติ โปรตุเกส ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีซึ่งนี่ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเลยก็ว่าได้ โดยการที่เขามีชื่อติดทีมชาติในครั้งนั้น ทำให้เขาได้ไปลุยในศึก ยูโร ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในศึกนั้นเขาได้กลายเป็นตัวหลัก และ สามารถพาทีมเข้ามาลุ้นในรอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ

โดยในครั้งนั้นเขาได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมทีม และ สต๊าฟโค้ชเป็นอย่างมาก ในการเล่นครั้งนั้น ต่อมาในปี 2015 เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งในเกมนั้นถือเป็นเกมที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือเกมแรก และ มันคือความฝันของเขา ที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ และ นั้นเป็นเกมที่ โปรตุเกส เปิดบ้านเอาชนะ สาธารณรัฐเคปเวิร์ด ไปได้ 2-0 และ ในเวลาต่อมาเขาก็ยังสามารถทำประตูแรกให้กับทีมชาติโปรตุเกสได้สำเร็จ ในเกมที่ ทีมชาติ โปรตุเกส ถล่มทีมชาติ เยอรมัน ไปในสกอร์ 5-0 ก่อนที่ในปีต่อมาเขาจะไม่มีชื่อติดทีมชาติโปรตุเกสในรายการยูโร 2016 เนื่องจากเขามีอาการบาดเจ็บมารบกวน

ต่อมาในปี 2017 หลังจากการพักฟื้นตัวจนหายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ได้มีชื่อติดทีมชาติโปรตุเกส อีกครั้ง ในศึก ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเขากับเพื่อนร่วมทีมสามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนพาทีมเข้าไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่พ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติแม็กซิโก ไปด้วยสกอร์ 2-1 แต่ยังไงก็ตามเขาก็ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่มีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอล ฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นเป็นทีม ถ้าขาดกองกลาง ที่มีคุณภาพแบบเขาไปคงทำให้เกมเล่นลำบากขึ้น

เกียรติประวัติ Bernardo Silva

เบนฟิก้า

  • ปรีไมราลีกา : 2013–2014
  • โปรตุเกส คัพ : 2013–2014
  • ลีกคัพ : 2013–2014

โมนาโก

  • ลีกเอิง : 2016–2017

แมนเชสเตอร์ ซิตี้

  • พรีเมียร์ลีก : 2017–2018 , 2018–2019 , 2020–2021 , 2021–2022
  • เอฟเอคัพ : 2018–2019
  • อีเอฟแอลคัพ : 2017–2018 , 2018–2019 , 2019–2020 , 2020–2021
  • เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชีลด์ : 2018 , 2019

ทีมชาติโปรตุเกส

  • ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก : 2019

รางวัลส่วนตัว

  • ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ Segunda Liga : 2013–2014
  • นักเตะ Segunda Liga ยอดเยี่ยมประจำเดือน : ตุลาคม 2013 , ธันวาคม 2013 , มกราคม 2014
  • ทีมแห่งการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีของยูฟ่า : 2013
  • ทีมแห่งการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของยูฟ่า : 2015
  • ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน UNFP Ligue 1 : มกราคม 2017
  • ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิง UNFP : 2016–2017
  • ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก PFA : 2018–2019 , 2021–2022
  • นักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แห่งปี : 2018–2019
  • ประตูแห่งฤดูกาลของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 2022
  • อลัน ฮาร์ดาเกอร์ โทรฟี่ : 2019
  • ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ : 2019
  • ทีมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ : 2019
  • ทีมยอดเยี่ยมของ IFFHS : 2019
  • ทีม ESM แห่งปี : 2021–2022